หนองคาย (ชมคลิป) พ่อเมืองรัตนวาปี จัดกิจกรรม "ห่อกระติ๊บข้าวเหนียว เกี่ยวข้าว" สืบสานประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว อนุรักษ์วิถีชาวนาอีสาน

จังหวัดหนองคาย-พ่อเมืองรัตนวาปี จัดกิจกรรม “ห่อกระติ๊บข้าวเหนียว เกี่ยวข้าว” สืบสานประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว อนุรักษ์วิถีชาวนาอีสาน

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ที่บริเวณทุ่งนา บ้านกุดลึก หมู่ที่ 4 ต.พระบาทนาสิงห์ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย นายวุฒิชัย ชัยภูวนารถ นายอำเภอรัตนวาปี จัดกิจกรรม “ห่อกระติ๊บข้าวเหนียว เกี่ยวข้าว” ที่บริเวณแปลงนาของนาย พีรศักดิ์ ชัยชาติ เกษตรกรบ้านกุดลึก หมู่ที่ 4 ต.พระบาทนาสิงห์ อ.รัตนวาปี เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ปลูกข้าวเหนียวหนองคาย หรือข้าว กข. 12 โดยมีนายวิทยา เดชประเสริฐ ปลัดอำเภอรัตนวาปี ,นายบุญยัง ผาสุราษฎร์ รักษาราชการนายก อบต.พระบาทนาสิงห์ ,นายอุทัย นัติพันธ์ ประธานสภา อบต.พระบาทนาสิงห์ ,นายวิชานนท์ ฝ้ายขาว ผู้อำนวยการโรงเรียนเตชะไพบูลย์ 1 พร้อมคณะครู นักเรียน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภา กว่า 50 คน เข้าร่วมกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าว จากนั้นนายอำเภอรัตนวาปีได้เก็บหอยทอง หนอไม้หวาน และมะละกอ เพื่อนำมาประกอบอาหารเที่ยองรับประทานร่วมกัน (กินข้าวป่า)ที่สวนของนายประสงค์ วัตสะราช อายุ 64 ปี บ้านเตชะไพบูรย์ ต.พระบาทนาสิงห์ อ.รัตนวาปี เป็นเกษตรกรปลูกพืชผสมผสาน และเลี้ยงหอยทองในบ่อผ้าใบ โดยมีเนื้อที่ 8 ไร่ ปลูกหลากหลาย เช่นปลูก ลำไยคริสตัล ,ฝรั่ง ,พุทรา ,ทุเรียน ,สะเดา ,เพกา ,ไผ่เลี้ยง และมะพร้าวน้ำหอม

กิจกรรม “ห่อกระติ๊บข้าวเหนียว เกี่ยวข้าว” ในครั้งนี้ เพื่อ สืบสานประเพณีวัฒนธรรมการลงแขกเกี่ยวข้าวของชาวอีสานให้คงอยู่ สร้างความรักสามัคคีในชุมชน และเป็นการลดต้นทุนเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับนักเรียนได้เข้าใจการเก็บเกี่ยวผลผลิตของเกษตรกร

นายอำเภอรัตนวาปี กล่าวว่า วันนี้ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ เป็นโครงการที่ตั้งชื่ออย่างน่ารัก “ห่อกระติ๊บข้าวเหนียว เกี่ยวข้าว” เป็นการอนุรักษ์ประเพณีวิถีชีวิตดั้งเดิมของพี่น้องชาวอีสาน ไทบ้าน วันนี้เป็นโอกาสดีมากที่ทาง อบต.พระบาทนาสิงห์ ได้จัดโครงการดีๆ ขึ้น ทำให้น้องๆ นักเรียนได้เข้าใจวิถีชีวิตชาวนา และเป็นการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ เพิ่มความสมัครสมานสามัคคีให้กับชุมชน เด็กๆ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน และหวังว่ากิจกรรมนี้จะเป็นอีกก้าวหนึ่ง ที่ต่อไปจะยังจัดกันอยู่และเป็นประเพณีให้สืบสานต่อไปในอนาคตเพราะไม่อยากให้เลือนหายไปจากท้องถิ่น